หลังมีข่าวเจ้าหน้าที่กัมพูชาจับวิศวกรไทย
ที่นำข้อมูลการบินของทักษิณ
ส่งให้เลขาทูตไทยในกัมพูชาขณะนั้น
ก็เกิดกระแสว่าเล่นละครจัดฉากอะไรเรื่อยเปื่อย
เหมือนหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา
เช่นกรณี คาร์บอร์มก็เป็นคาร์บ๊องส์
ซึ่งใช้มุกเดียวกันเลย
เวลาทำงานพลาดก็บิดเบือนใส่ไข่
เพื่อลดความน่าเชื่อถือ
ผมเลยไปพยายามรวบรวมข่าวที่เกี่ยวข้อง
เรียงลำดับให้ดู ลองไล่อ่านจนหมด
แล้วจะวิเคราะห์ได้เองว่า
จัดฉากหรือของจริง
และมีแรงจูงใจอะไรไหม
ในการที่อยากจะรู้เที่ยวบินของทักษิณ
เพื่อสกัดไม่ให้ทักษิณบินผ่านน่านฟ้าไทย
หรืออาจจะหวังปองร้ายอย่างอื่นด้วยหรือไม่
โดย มาหาอะไร
------------------------------------------
รัฐบาลบีบชาติ อาเซียน ร่วมมือล่าตัว“ทักษิณ”ส่งกลับเมืองไทย
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน 2009 เวลา 09:02 น.
“กษิต” รุกหนัก ส่งข้อมูลให้ทูตหลายประเทศ โดยเฉพาะชาติอาเซียน แจ้งความผิด “ทักษิณ” ให้รับทราบ เพื่อให้จับตัวส่งกลับประเทศไทย โฆษกรัฐบาลมั่นใจ แม้ เขมร ไม่ร่วมมือจะต้องได้ตัวที่ไหนสักแห่ง เพราะเครื่องบินต้องแวะเติมน้ำมัน
อัยการเตรียมยื่นเรื่อง ให้ เขมร ส่งตัว “สุเทพ” ประสานตำรวจสากล มหาดไทยเขมร จับตัว ด้าน “ทักษิณ” บินถึง กัมพูชา แล้ว ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา และการต้อนรับอย่างอบอุ่น หลังบรรยายด้านเศรษฐกิจวันที่ 12 พ.ย. จะเดินทางกลับดูไบ
วันที่ 10 พ.ย. 2552 สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานตรงกันว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ รัฐบาลกัมพูชา และเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของ สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา
ได้เดินทางโดยเครื่องบินเล็กส่วนตัว ถึงประเทศ กัมพูชา แล้ว หลังจากเครื่องลงจอดที่สนามบินนานาชาติ พนมเปญ ก็นั่งรถตู้ตรงดิ่งเข้า กรุงพนมเปญ ท่ามกลางการอารักขาอย่างแน่นหนา โดยมีทหารถือปืนเฝ้าระวังตามจุดต่างๆในเส้นทางที่ขบวนรถแล่นผ่าน
เขมรหวังพึ่งประสบการณ์ “ทักษิณ”
นาย เขียว กัญฤทธิ์ รัฐมนตรีกระทรวง แถลงข่าวในฐานะ โฆษกรัฐบาลกัมพูชา กล่าวว่า พ.ต.ท. ทักษิณอยู่ใน กัมพูชา แล้ว เราต้องการเรียนรู้จากประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจอันยอดเยี่ยมของ พ.ต.ท. ทักษิณ และมั่นใจว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเราได้
นาย ฟาย สีฟาน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กัมพูชา กล่าวว่า พ.ต.ท. ทักษิณจะได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมจาก รัฐบาลกัมพูชา ภาคเศรษฐกิจของเรา รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก และหวังว่าประชาชนชาวกัมพูชา ทั้งประเทศจะต้อนรับ พ.ต.ท. ทักษิณ อย่างอบอุ่น
เตรียมอาหารจัดเลี้ยงต้อนรับเต็มที่
“พ.ต.ท . ทักษิณและ สมเด็จ ฮุน เซน จะร่วมรับประสานอาหารกลางวันด้วยกัน โดยเราจัดเตรียมอาหารไว้ 9 รายการ เพื่อให้ พ.ต.ท. ทักษิณ เพลิดเพลินกับมื้ออาหารที่เราจัดเตรียมไว้ให้”
ทั้งนี้ ตามกำหนดการ พ.ต.ท. ทักษิณ จะบรรยายด้านเศรษฐกิจให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของ กัมพูชา ประมาณ 300 คนฟังในวันที่ 12 พ.ย. นี้ ทำให้คาดการณ์ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ จะอยู่ในกัมพูชาอีกอย่างน้อย 2-3 วัน ก่อนกลับดูไบ
“มาร์ค” ขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน
ที่ รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อ พ.ต.ท. ทักษิณ เข้ามา กัมพูชา ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
ผู้ สื่อข่าวถามว่า การเดินทางไป กัมพูชา ของ พ.ต.ท. ทักษิณ จะสร้างความยุ่งยากให้กับสองประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเจตนาที่เขาแสดงออกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราก็เดินตามขั้นตอนของเรา”
อัยการเตรียมส่งเอกสารขอตัว
นาย ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อัยการสูงสุดพร้อมจะส่งเอกสารขอตัว พ.ต.ท. ทักษิณ ถึง รัฐบาลกัมพูชา ในทันที ส่วนจะส่งตัวกลับมาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินของศาล กัมพูชา ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างยาวนาน
“กษิต” รุกขอความร่วมมือชาติอาเซียน
“ทั้ง หมดขึ้นอยู่กับท่าทีของ รัฐบาลกัมพูชา หากไม่ร่วมมือจะทำให้กระบวนการล่าช้า แต่ตามหลักสากลแล้ว รัฐบาลกัมพูชา ไม่สามารถแทรกแซงศาลได้ หากแทรกแซงจะทำให้ กัมพูชา ขาดความเชื่อมั่นจากนานาชาติ” นายปณิธาน กล่าวและว่า
ขณะนี้ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกับทูตานุทูตหลายประเทศเพื่อขอความร่วมมือนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน มั่นใจว่าถ้าจับกุม พ.ต.ท. ทักษิณ ในกัมพูชา ไม่ได้ เชื่อว่าต้องจับกุมได้ในประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะเครื่องบินจะต้องไปเติมน้ำมันหลายแห่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ต้องพักผ่อนในประเทศต่างๆ หวังว่าประเทศอื่นๆที่มีความเข้าใจจะร่วมมือกับเรา
หวังใช้นานาชาติบีบกัมพูชาส่งตัว
“หลัง จากรัฐบาลส่งข้อมูลความผิดของ พ.ต.ท. ทักษิณ ให้กับนานาประเทศแล้ว มั่นใจว่า หลายประเทศจะส่งสัญญาณให้กับ กัมพูชา ว่าควรเคารพกฎเกณฑ์ระหว่าง ประเทศ” โฆษกรัฐบาลกล่าว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ประสานกับตำรวจสากล และกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา เพื่อติดตามตัว พ.ต.ท. ทักษิณกลับมาดำเนินคดีในเมืองไทยแล้ว แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเคลื่อนไหวไปในที่ต่างๆอย่างรวดเร็ว
ที่มา : DAILY WORLD TODAY
http://www.d-dek.org/index.php?option=com_content&view=article&id=244:2009-11-12-02-02-46&catid=3:news-flash
------------------------------------------
เขมรอ้างไทยส่งเครื่องบินล้ำน่านฟ้าวันที่ทักษิณมา
วันศุกร์ที่ 13 พฤษจิกายน 2009 เวลา 16:01 superadmin News
13 พย. 2552 13:53 น.
วิทยุ เอเชียเสรี รายงานว่า ชาวบ้านและตำรวจตระเวณชายแดนของกัมพูชา อ้างว่าเห็นเครื่องบินสอดแนมของไทยอย่างน้อย 4 ลำ รุกล้ำเข้าไปในเขตน่านฟ้าของกัมพูชาที่บริเวณพรมแดนจังหวัดสระแก้ว - จังหวัดบันทาย มีชัย เมื่อคืนวันที่ 10 อังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางถึงกัมพูชา โดยเอเชียเสรีรายงานอ้างชาวบ้านบอกว่า เมื่อ 2 ทุ่มครึ่งของคืนนั้นเครื่องบินของไทยหลายลำบินในระดับต่ำเฉียดหลังคาบ้าน ตั้งแต่เมืองปอยเปตมุ่งหน้าไปทางตะวันตก
ด้าน นายชุก อัง ผู้บัญชาการกองพัน 911 ในพื้นที่ บอกว่า เขาได้สั่งให้ทหารยิงเครื่องบินของไทยที่รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของกัมพูชา แต่เครื่องบิน บินด้วยความเร็วสูงมาก ทำให้ยิงไม่ทัน ขณะที่นายสัม เชธ รองผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดบันทาย มีชัย บอกว่าเครื่องบินของไทยบินอยู่ในฝั่งไทยใกล้กับปอยเปต ไม่ได้เข้ามาในฝั่งกัมพูชา
http://cbnpress.com/index.php/home/39-2008-12-27-13-26-42/2276-2009-11-13-09-02-34
------------------------------------------
เขมรจับวิศวกรชาวไทยขโมยข้อมูลเที่ยวบิน "ทักษิณ"
วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2009 เวลา 13:39 น. ทีม ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ
กัมพูชา จับวิศวกรชาวไทยอ้างข้อหาเป็นสายลับจากการสอดแนมการเคลื่อนไหว เที่ยวบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วก็อปปี้ส่งข้อมูลกลับมายังประเทศไทย สำหรับวิศวกรไทยรายนี้มีชื่อว่า นายศิวรักษ์ โชติพงษ์ วัย 31 ปี ซึ่งทำงานเป็นวิศวกรของบริษัท CATS ซึ่งถูกจับกุมเมื่อพุธที่ผ่านมาตามหมายจับของอัยการศาลแขวงพนมเปญ
โดย รายงานจาก 3 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวยืนยันตรงกันว่า มีวิศวกรชาวไทยถูกจับกุมตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยถูกต้องข้อหาฐานเผยแพร่ข้อมูลความมั่นคงของกัมพูชา สอดแนมด้วยการก็อบปี้เอกสารเกี่ยวกับเที่ยวบินของอดีตพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ผ่านบริษัท CATS ซึ่งเขาทำหน้าที่ควบคุมเที่ยวบินทุกเที่ยวในกัมพูชา และรายงานกลับไปยังประเทศไทย
http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=12247:2009-11-13-06-44-56&catid=177:2009-06-25-09-27-16&Itemid=525
------------------------------------------
วิศวกรไทยรับให้ข้อมูล"แม้ว"แก่จนท.บัวแก้ว
คม ชัดลึก :เขมรออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวบุตรสาว "ฮุน เซน"เข้าถือหุ้นในบริษัทแคทส์ เทเลคอม ทนาย เผยวิศวกรไทยรับให้ข้อมูลเที่ยวบิน'ทักษิณ' แก่เจ้าหน้าที่ทูตไทย
สำนัก ข่าวดีพีเอรายงาน ว่า คณะรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของสื่อมวลชนไทยฉบับหนึ่ง ที่ว่า บุตรสาวของนายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชาจะเข้าถือหุ้นในบริษัท"คอมโบเดียร์ แอร์ แทรฟฟิค เซอร์วิสเซส" หรือ แคทส์ เทเลคอม ซึ่งเป็นปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชาอยู่ในปัจจุบัน แถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่เข้ากำกับดูแล และบริหารบริษัทแห่งนี้ เป็นการชั่วคราว เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยของผู้นำกัมพูชา โดยแถลงการณ์ไม่ได้ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาจะเข้าบริหารบริษัทแห่งนี้เป็นเวลานาน เท่าใด
สำนัก ข่าวดีพีเอรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชาวไทยคนหนึ่งของบริษัท"แคทส์" ถูกจับเมื่อ 12 พฤศจิกายน ในข้อหาทำให้รายละเอียดของข้อมูลการบินของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรของไทยรั่วไหลในระหว่างที่เขาไปเยือนกัมพูชาเมื่อเร็วๆนี้ หลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกฯฮุนเซน ซึ่งการแต่งตั้งและการเยือนสร้างความขัดแย้งทางการทูตจนความสัมพันธ์ระหว่าง สองชาติเพื่อนบ้านตกต่ำสุดในรอบหลายปี และรัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้เรียกทูตของตนกลับประเทศ
ด้านสำนักข่าวเอเอ ฟพีรายงานจากกรุงพนมเปญด้วยว่า นายแก้ว สุภา ทนายความชาวกัมพูชาของนายศิวรักษ์เปิดเผยว่า นายศิวรักษ์ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ของศาลกัมพูชาว่าได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ เที่ยวบิน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้แก่เจ้าหน้าที่การทูตของไทยรายหนึ่งจริง เพราะเจ้าหน้าที่รายนั้นถามถึงเรื่องนี้ในทันทีที่เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณลงจอดที่สนามบินทหารในท่าอากาศยานนานาชาติกัมพูชา โดยที่นายศิวรักษ์เอง ไม่รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในเครื่องบินลำดังกล่าว นายแก้วย้ำด้วยว่า ลูกความของตนไม่ได้กระทำความผิดใดๆ เพราะข้อมูลดังกล่าวไม่ได้เป็นความลับและไม่ได้ลักลอบขโมยมาแต่อย่างใด
นาย แก้วกล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวนายศิวรักษ์ต่อศาลกัมพูชาในเช้าวันเดียวกันนี้ โดยค้ำประกันกับศาล ด้วยว่า นายศิวรักษ์จะไม่เดินทางกลับประเทศไทยก่อนหน้าที่ศาลจะเริ่มไต่สวนคดีนี้ "ผมยอมรับว่าลูกความของผมได้สารภาพต่อศาลว่าได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ เที่ยวบินของ พ.ต.ท.ทักษิณให้แก่ สถานทูตไทย แต่ผมอยากจะยืนยันว่า เขารายงานต่อสถานทูตหลังจากเครื่องบินลำดังกล่าวลงจอดเพียง 10 นาที โดยที่ไม่รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่บนเครื่องในตอนนั้น เขาไม่ได้ขโมยข้อมูลเหล่านั้น เพราะถือเป็นความรับผิดชอบในอาชีพที่ต้องรู้เกี่ยวกับเที่ยวบินทุกเที่ยว และไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องร้ายแรงแต่อย่างใด และการสอบสวนของศาลในคดีนายศิวรักษ์แล้วเสร็จภายในระยะเวลาเพียงสัปดาห์ เดียวเท่านั้นเอง" ทนายความ กล่าว เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 23 พ.ย. รายการข่าว 3 มิติ ได้เปิดเผยจดหมายของนายศิวรักษ์เป็นครั้งแรก โดยมีใจความยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า "ที่ผ่านมา ผมไม่เคยคิดร้ายต่อกัมพูชา ผมไม่ใช่คนจารกรรมข้อมูล ตามที่ทางการกัมพูชากล่าวหา ผมอยากกลับไปอยู่กับแม่ ผมไม่ใช่คนเลว สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยที่เป็นห่วง หวังว่าจะได้ออกจากที่นี่โดยเร็ว"
นายแก้ว โสภา ทนายความ เชื่อว่า นายศิวรักษ์จะได้รับการประกันตัว เพราะนายศิวรักษ์มีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ มีหลักทรัพย์เพียงพอ และจะไม่ออกจากกัมพูชา ยืนยันว่านายศิวรักษ์ไม่ได้จารกรรมข้อมูลการบิน แม้เขาจะทำงานมานาน แต่ไม่รู้ข้อมูลที่มาที่ไปของใคร รู้เพียงตารางการบินเท่านั้น ทั้งนี้เชื่อว่าจะได้ประกันตัวภายใน 10 วัน
http://www.komchadluek.net/detail/20091124/38549/วิศวกรไทยรับให้ข้อมูลแม้วแก่จนท.บัวแก้ว.html
------------------------------------------
อดีตนักบินขับไล่ -พท.กางหลักฐานแฉคำสั่งยิงเครื่องบินทักษิณ "สุเทพ" ย้ำมีอำนาจสั่งการ ขณะทอ.ยังปฎิเสฐ
ทอ. ยันปฎิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก ปฎิเสธส่งเครื่องบินเอฟ 16 บินประกบ"ทักษิณ"อ้างไม่ได้บินล้ำน่านฟ้าไทย อดีตนักบินขับไล่ -พท.กางหลักฐานคำสั่งแฉ ด้าน"สุเทพ" ย้ำมีอำนาจสั่งการ
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวกรณี พรรคเพื่อไทยระบุว่า รัฐบาลสั่งให้ กองทัพอากาศนำเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ 16 ประกบเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางออกจากประเทศกัมพูชาว่า ข้อเท็จจริงคือเครื่องบินเช่าเหมาลำเครื่องนี้ ระหว่างเดินทางไป กัมพูชา ได้มีการขอบินผ่านน่านฟ้าของไทย เพื่อเข้าสู่กัมพูชา โดยมีการขอผ่านเส้นทางทั้งขาไปและขากลับ ถือเป็นกฎการบินปกติที่เครื่องบินทุกชนิดปฎิบัติ หากจะเข้าน่านฟ้าประเทศใดต้องขออนุญาต การขอผ่านเส้นทางการบินของไทยก็ไม่ได้แจ้งว่ามีใครเป็นผู้โดยสาร ปกติก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบดังนั้นฝ่ายการบินจึงอนุญาตให้ผ่านน่าน ฟ้าไทย ได้ทั้งขาไปและขากลับ น.อ.มณฑล กล่าวต่อว่า เมื่อรัฐบาลทราบว่าเครื่องบินลำดังกล่าวมี พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เป็นพาหนะเดินทางมาที่ประเทศกัมพูชา ทำให้รัฐบาลสั่งยกเลิกอนุญาตบินผ่านน่านฟ้าไทยในเที่ยวกลับ เพราะมีบุคคลที่ไม่พึ่งประสงค์ จึงให้กรมขนส่งทางอากาศ ไม่อนุญาตให้บินผ่านน่านฟ้าไทย อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศไม่ได้มีการส่งเครื่องบินเอฟ 16 ไปประกบเครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่ได้บินเข้าน่านฟ้าไทย
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยระบุว่ากองทัพอากาศส่งเครื่องบินรบติดอาวุธหนักประกบเครื่องบิน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ รองโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า ใช้คำว่าประกบไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้บินเข้ามาในประเทศไทย เขาบินอ้อมไป ส่วนของเราก็บินตามปกติ ห่วงเวลาที่เครื่องบิน พ.ต.ท.ทักษิณ บินไปดูไบนั้น ก็เป็นวันปกติ ซึ่งกองทัพอากาศมีการบินรักษาเขตแดนการบินอยู่ตามปกติ ทั้งนี้เครื่องบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เข้าน่านฟ้าไทย กองทัพอากาศจึงไม่มีการส่งเครื่องบินเอฟ 16 ติดอาวุธหนักเข้าประกบตามที่พรรคเพื่อไทยระบุ และเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เครื่องบินบรรทุกอาวุธหนักประกบเครื่องบินพลเรือน เพราะมีขั้นตอนวิธีปฏิบัติจากเบาไปหาหนัก
"กองทัพอากาศมีหน้า ที่ปกป้องอธิปไตยน่านฟ้า หากมีเครื่องบินไม่พึ่งประสงค์บินผ่านน่านฟ้า ก็ต้องทำหน้าที่ส่งเครื่องบินขับไล่ปฏิบัติภารกิจ คือ 1.บินสกัดกั้นไม่ให้เครื่องบินลำนั้นเข้ามาในประเทศ 2.บินบังคับให้เครื่องบินลำนั้นลงจอดในสนามบินที่กองทัพอากาศกำหนด เป็นหน้าที่ของกองทัพอากาศอยู่แล้วไม่เฉพาะเครื่องบินที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เราปฏิบัติตามหลักสากลทุกเครื่องบินที่ห้ามเข้าประเทศ อย่างไรก็ตาม เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศมีการเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง จอดพร้อมบินอยู่ที่ภาคพื้น ถือเป็นมาตรฐานสากลที่ทุกกองทัพของนานาชาติปฏิบัติ"รองโฆษกกองทัพอากาศ กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา11.00น. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย และอดีตนักบินเอฟ-16 ของกองทัพอากาศ แถลงกรณีรัฐบาลสั่งการให้เครื่องบินรบของกองทัพอากาศ พร้อมติดอาวุธเต็มอัตราศึกขึ้นบินประกบเครื่องบินพ.ต.ท.ทักษิณ ชณะเดินทางออกจากประเทศกัมพูชา ว่า นายสุเทพ เทือก สุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เคยให้สัมภาษณ์ถึงเครื่องบินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่ามา ได้ขออนุญาต
กรมขนส่งทางอากาศ (ขอ.) และบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย เพื่อบินผ่านประเทศไทย เพราะไม่มีการแจ้งว่าเครื่องบินลำดังกล่าวมีอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้โดยสาร จึงไม่จำเป็นต้องล้วงเอาตารางการบินในประเทศกัมพูชา ทันที่ที่รัฐบาลไทยรู้ข้อมูล ในฐานะที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ได้ทำหนังสือสั่งการไปยังวิทยุการบิน ไม่อนุญาตให้เครื่องบินที่อดีตนายกรัฐมนตรี บินกลับผ่านน่านฟ้าไทย เพราะเป็นบุคคลที่ทำผิดกฎหมาย และมีข้อหากระทบความมั่นคง หากฝ่าฝืนก็จะส่งเครื่องบินขึ้นประกบบังคับให้ลงจอดในประเทศและดำเนินการจับ กุมอดีตนายกรัฐมนตรีทันที น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวพร้อมกับ แสดงแผนการบินและคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ ยกเลิกการอนุมัติของกรมขนส่งทางอากาศที่5779/11/2009 และ5899/11/2009 ว่า จากคำให้สัมภาษณ์นาสุเทพ บิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะ ในส่วนของตารางการบินนั้น ตามกฎการบินสากล สนามบินต้นทางจะส่งข้อมูลให้กับประเทศที่จะขออนุญาตบินผ่านเฉพาะแบบของ เครื่องบิน นามเรียกขานของเครื่องบิน เส้นทางที่จะบินและข้อมูลจำเป็นอื่นๆเท่านั้น ส่วนข้อมูลของผู้โดยสารที่เดินทางมากับเครื่องบิน เป็นใครชื่ออะไรบ้างนั้น เป็นข้อมูลภายในของกัมพูชา มิได้ส่งให้ทางการไทยรับทราบ
"ขอตั้งข้อ สังเกตว่านายสุเทพ ไปแอบทราบมาได้อย่างไรว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมากับเครื่องบินลำดังกล่าวจึงได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ยกเลิก การอนุมัติของกรมขนส่งทางอากาศที่ 5779/11/2009 และ5899/11/2009 เป็นการอนุมัติให้บินผ่านน่านฟ้าไทยของเครื่องบิน CL30 ลำดังกล่าวมีคำเรียกขานN300BZ" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้คนไทยคนหนึ่งต้องตกเป็นแพะรับบาปแทนนนายสุเทพ ที่ให้สัมภาษณ์เองว่าเป็นผู้รู้ข้อมูลลับของประเทศเพื่อนบ้าน ขอให้นายสุเทพออกมาชี้แจงว่า นายศิวรักษ์ โชติพงษ์ วิศวกรคนไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมข้อหาจารกรรมข้อมูลไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล รายชื่อผู้เดินทางที่นายสุเทพ อ้างว่าไปรู้มาเอง รวมทั้งนายสุเทพรู้ข้อมูลเรื่องดังกล่าวมาจากไหน รู้มาได้อย่างไรเพื่อทางกัมพูชาจะได้เลิกสงสัย และปล่อยตัวนายศิวรักษ์ และขอเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบช่วยเหลือนายศิวรักษ์ อย่างจริงจัง เพราะในขณะนี้ ดูเหมือนจะตกเป็นเหยื่อของการหาคะแนนเสียงของรัฐบาลด้วยการ ปลุกกระแสชาตินิยม อดีตนักบินเอฟ 16 กล่าวด้วยว่า หลังจากเครื่องบินพ.ต.ท.ทักษิณ บินออกจากประเทศกัมพูชาเวลาประมาณ 9.45 วันที่ 14พ.ย. รัฐบาลสั่งการให้เครื่องบินF-16 สองลำ และเครื่องบินF5 สองลำ แต่ละลำติดจรวดสังหาร 4ลูก และปืนกลอากาศลำละ 450 นัด ขึ้นบินประกบเครื่องบินโดยสารพ.ต.ท.ทักษิณ นักบิน มารู้คำสั่งยกเลิก เมื่อเครื่องเข้าน่านฟ้าไทยแล้ว นักบินจึงได้เปลี่ยนเส้นทางการบิน และทราบมาอีกว่าเครื่องบินรบของไทยที่บินประกบอยู่ในน่านฟ้าไทย อยู่ในระยะจอเรดาร์ 40ไมล์ กรณีดังกล่าวข้าราชการกองทัพอากาศจำนวนมากไม่สบายใจที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ดังกล่าว เพราะเป็นการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ ไปในทางที่อาจจะขัดต่อกฎหมาย เนื่องจากเครื่องบินขับไล่ที่ใช้ในภารกิจสกัดกั้นนั้นจะวิ่งขึ้นเพื่อ ปฏิบัติภารกิจได้ 4กรณี ตามพรบ.การปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย ประกอบด้วย 1.ตัวอากาศยานที่ถูกสกัดกั้นต้องกระทำความผิดตามกฎหมายว่า ด้วยการเดินอากาศ 2.ทำผิดอนุสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ 3.ทำผิดกฎหมายอื่น 4.หรือเพื่อป้องกันภยันตรายแก่ราชอาณาจักร
"การ สั่งการนี้ไม่ทราบว่า ใช้เหตุผลตามพรบ.มาตราไหนมาสั่งการ หากนายสุเทพยืนยันว่าเครื่องบินที่พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสารมาด้วย กระทำความผิดจนต้องสั่งให้เครื่องบินขึ้นสกัดกั้น ตามกฎหมายระบุว่ากองทัพอากาศจะต้องเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการนำ เครื่องบินวิ่งขึ้นที่มีมูลค่าหลายล้านบาทจากเครื่องบินที่กระทำความผิด ภายใน 30 วัน หากไม่มีการเรียกเก็บเงินก็แสดงว่า นายสุเทพสั่งการครั้งนี้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งการสั่งการให้เครื่องบินเอฟ-16 และ เอฟ-5 ติดอาวุธต็มพิกัดกับเครื่องบินโดยสารพลเรือน ส่อให้เห็นเจตนาของผู้สั่งการ ต้องการให้กองทัพอากาศละเมิดกฎหมายเพราะขั้นตอนการปฏิบัติกับอากาศยาน พลเรือน ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามใช้อาวุธกับเครื่องบันโดยสารเด็ขาด" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวอีกว่า ข้อมูลแผนการบินเป็นเอกสารที่เปิดเผยอยู่แล้ว เพราะได้มีการส่งไปยังหน่วยงานต่างๆที่ต้องรับนำไปปฏิบัติ ตั้งแต่มีการบินเกิดขึ้นในประเทศหรืออาจเรียกว่าเป็นครั้งแรกของโลก ภายใต้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้เครื่องบินรบ เอฟ-16 พร้อมอาวุธสั่งการบินขึ้นเพื่อสกัดกั้น อากาศยานของพลเรือนที่มีอดีตนายก รัฐมนตรี โดยสารมาด้วย การสั่งการดังกล่าวถือว่าเป็นการลุแก่อำนาจขาดสติ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่างไรก็ดีอากาศยานที่ลอยขึ้นฟ้า ตัวอากาศยานมีอธิปไตยอยู่ในตัวเองแม้จะมีผู้กระทำความผิดโดยสารมาด้วยก็ไม่ สามารถใช้มาตรการอย่างที่นายสุเทพ ปฏิบัติได้ เว้นแต่ตัวอากาศยานนั้นทำผิดกฎหมายแต่ก็ไม่เกี่ยวกับบุคคลที่โดยสารมาด้วย หากนายสุเทพจะอ้างว่าเป็นการปฏิบัติตามพรบ.อากาศยาน ที่เพิ่งผ่านความเห็นจากรัฐสภาก็ไม่สามารถอ้างได้ เพราะมีเนื้อหาไม่ต่างจากพ.ร.บ.อากาศยาน พ.ศ.2519 ที่บังคับใช้ในปัจจุบัน สัปดาห์นี้ตนจะยื่นกระทู้ถามนายสุเทพ กรณีดังกล่าวด้วย
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวเรื่องเดียวกันว่า พรรคเพื่อไทยขยันสร้างข่าว เพื่อทำให้คนตื่นเต้น เรื่องนี้ตนเคยชี้แจงไปหลายครั้งแล้วว่า ตอนที่เครื่องบินของพ.ต.ท.ทักษิณ บินผ่านน่านฟ้าไทย ได้ขออนุญาต แต่ไม่ได้ระบุว่าผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยเป็นใคร เมื่อเครื่องบินดังกล่าวไปจอดที่ประเทศกัมพูชา เมื่อสื่อออกข่าวมา จึงได้ให้ตรวจสอบว่าเป็นเครื่องบินของใคร ทำให้เที่ยวกลับ ห้ามบินผ่านไทย ถ้าผ่านจะจับ ตนเป็นคนสั่งไปเอง เพราะว่า ต้องเตือนเขาก่อน อยู่ๆ ไปบังคับให้ เอาเครื่องลง แล้วจับก็จะเป็นปัญหาเพราะเป็นเครื่องบินของชาติอื่น ไม่อยากจะมีปัญหากับประเทศอื่น แค่ มีปัญหากับกัมพูชาก็หนักพอแล้ว แต่ในตอนเที่ยวกลับเครื่องบินดังกล่าวพยายามจะขอกลับ แต่ก็ไม่ให้กลับ เจ้าหน้าที่จึงถามตนว่า หากเข้ามาให้ทำอย่างไร ตนจึงตอบไปว่า เรามีสิทธิ์บังคับเครื่องบินที่จะไม่อนุญาตให้บินผ่านน่านฟ้าของเรา โดยให้ลงจอด ยืนยันว่า ไม่ได้ส่งเครื่องประกบทั้งเที่ยวไปและกลับ เช่นที่พรรคเพื่อไทยอ้าง เป็นเรื่องขี้โม้ หากทราบตั้งแต่แรกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ บินเข้ามาในน่านฟ้าไทย จะไม่แค่ประกบแต่จะสั่งให้จอดทันที ไม่ได้ไปถึงกัมพูชาหรอก
เมื่อถาม ว่าพรรคเพื่อไทยถามว่ารัฐบาลใช้กฎหมายอะไรที่ บังคับไม่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ บินผ่านน่านฟ้าไทย นายสุเทพ กล่าวว่า กฎหมายนั้นมี แต่ให้ไปหาเอาเองแล้วกัน สรุปว่าตนมีอำนาจก็แล้วกัน พรรคเพื่อไทยจะทำอะไรก็แล้วแต่เขา ตนก็มีหลักฐานเช่นเดียวกัน ส่วนที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่ามีหลักฐานนั้นคงจะเป็นหลักฐานของตนที่สั่งการไป
http://www.pitakthai.com/politics/3050.html
------------------------------------------
กรุงเทพธุรกิจ
26 พย. 2552 15:58 น.
ใน การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดสุดท้ายก่อนจะปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ นิติบัญญัติ มีนายสามารถ แก้ว มีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธาน โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาคาทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี เรื่องการใช้อำนาจรัฐเกินกว่าเหตุว่า รัฐบาลพยายามไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องหลัก มากกว่าบริหารราชการแผ่นดิน โดยเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ รับเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาที่กัมพูชา ได้รับอนุญาตให้ผ่านน่านฟ้าไทยได้แล้วทั้งไปและกลับ โดยไม่ต้องแจ้งชื่อผู้โดยสาร ที่ต้องเก็บเป็นความลับ แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ระบุในวันที่ 15 พฤศจิกายน ว่าเส้นทางการบินไม่เป็นความลับ เครื่องบินที่พ.ต.ท.ทักษิณ เช่าได้ขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบินผ่านน่านฟ้าไทย ไม่จำเป็นต้องล่วงความลับจากกัมพูชา และทันทีที่รัฐบาลทราบข้อมูลก็สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ยกเลิกบินผ่าน น่านฟ้าไทยขากลับ ไปแอบรู้มาได้อย่างไรว่าเครื่องบินเอ็น 300 บีแซทมี พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสารมาด้วย
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ มาที่กัมพูชา ตอนเดินลงจากเครื่องบิน สื่อถ่ายทอดภาพก็เห็นหมายเลขเครื่องบิน ตนเองสงสัยว่าบินจากไหนไปไหน เพราะเป็นเรื่องความมั่นคง จึงถามไปทางกรมขนส่งทางอากาศ กรมคมนาคมทางอากาศ วิทยุการบินของประเทศ ได้รับคำตอบว่าเครื่องบินลำนี้ยื่นหนังสือขอบินผ่านน่านฟ้า ขาไป 9 พฤศจิกายน ขากลับ 13 พฤศจิกายน หน่วยงานที่รับผิดชอบเห็นว่าเป็นการบินไม่ ประจำ ไม่มุ่งประสงค์การค้า และอากาศยานทะเบียนอเมริกา ตามสัญญาชิคาโก้ จึงอนุญาตเรื่องนี้ไม่มีใครผิด แต่เมื่อเครื่องบินไปจอด คนที่ทำผิดจนศาลตัดสินแล้วและหนีศาล เดินลงมา ก็เป็นการที่เครื่องบินบรรทุก ผู้โดยสารที่ไม่เหมาะสมผ่านประเทศไทย ตนเองก็มีหน้าที่ต้องตรวจสอบ เพราะคนๆนี้มีการกระทำที่อาจกระทบความมั่นคง ตนเองจึงสั่งการไปยังอธิบดีกรมการขนส่ง และวิทยุการบิน ให้ยกเลิกการอนุญาตบินขากลับ ที่ต้องบินผ่านประเทศไทย และแจ้งไปยังบริษัทนี้ว่า ไม่อนุญาตให้เครื่องบินที่เชื่อว่าจะมี พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสาร บินผ่านน่านฟ้า เป็นการใช้อำนาจตามปกติที่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง มีเอกสารทั้งหมดยืนยันและเข้าถึงได้ตามช่องทางปกติ ไม่ต้องให้วิศวกรไปจารกรรมข้อมูลจากกัมพูชาส่งมาให้ ฉะนั้นถ้ามีการสมคบให้วิศวกรรับบาป ก็ให้เป็นบาปของคนที่สมคบกันใส่ความ
น.อ.อนุ ดิษฐ์ ถามต่อว่า วันนี้ นายศิวลักษณ์ ชุติพงษ์ วิศวกร กำลังเป็นแพะรับบาป ชัดเจนว่าข้อมูลทั้งหมดไม่ได้แอบรับทราบ ไม่ได้เป็นการจารกรรมข้อมูล อยากถามว่าวันนี้นายศิวลักษณ์ที่ถูกจับ รัฐบาลไทยยังไม่มีมาตรการจะช่วยเหลือ วันนี้เดือนร้อน เพราะการกระทำที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล จะช่วยเหลือคนไทยอย่างไร
นายสุเทพ ตอบว่า มีแต่ท่านกับเขมรที่พูดกันว่านายศิวลักษณ์นำข้อมูลมาให้ตน ทั้งหมดคนไทยได้ยินหมดว่ามีกลุ่มของท่าน กับเขมรที่พูดทิศทางเดียวกัน จึงไม่อยากตอบโต้อะไรมาก รัฐบาลจะช่วยตามขั้นตอนของกฎหมาย
โดยได้ส่ง เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่าประเทศไปพบ ไปดู หากไม่มีทนายก็หาให้ และได้เตรียมเอกสารหลักฐานเหล่านี้ให้ทนายไปสู้คดี สามารถยืนยันกับทางการกัมพูชา ส่วนกระบวนการยุติธรรมจะทำอย่างไร เราก็ต้องเคารพ น.อ.อนุดิษฐ์ ถามว่าข้อมูลที่ได้มาทราบว่าสั่งการให้กองทัพอากาศนำเครื่องบินขับไล่ติด อาวุธเต็มพิกัด จรวดสังหาร ปืนกล เพื่อปฏิบัติภารกิจ หากมีการให้บินขึ้นจริง มีความพยายามอย่างยิ่งยวดหรือไม่ เพื่อทำลายเครื่องบินพลเรือนหรือไม่ ทั้งที่มีกฎสากล ห้ามเอาไว้ว่าห้ามใช้อาวุธปฏิบัติต่อเครื่องบินพลเรือนเด็ดขาด นายสุเทพ ชี้แจงว่า ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนถูกต้องทุกอย่าง ดังนั้นหากมีเจตนา ร้ายจริงก็ปล่อยให้เขาบินเข้ามาก็ถึงปล่อยดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ไม่ได้สั่งการให้เครื่องบินขึ้นไป แต่กองทัพอากาศสั่งให้เครื่องบินเตรียมพร้อม เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องบินลำดังกล่าวบินเข้ามา เมื่อเครื่องบินลำดับกล่าวไม่ได้เข้ามาเครื่องบินก็บินลาดตระเวนตามปกติ
------------------------------------------
ศาลเขมรตัดสินจำคุกวิศวกรไทย7ปีปรับ1แสน
คม ชัดลึก :ศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก"ศิวรักษ์ ชุติพงษ์" วิศวกรชาวไทย 7 ปี ปรับ 1 แสนบาท ข้อหาจารกรรมข้อมูลการบินของ "ทักษิณ" บัวแก้วมั่นใจผลตัดสินไม่ขยายเป็นปมการเมืองระหว่างประเทศ ด้านแม่วิศวกรเครียดขณะฟังการสืบพยาน ขณะที่ลูกชายมีสีหน้าและกำลังใจดี
คณะ ผู้พิพากษาศาลประเทศกัมพูชาได้เริ่มพิจารณาตั้งแต่ช่วงเช้า ของวันที่ 8 ธันวาคม โดยมีครอบครัวของนายศิวรักษ์พร้อมด้วยตัวแทนของกระทรวงการต่างประเทศได้เดิน ทางไปให้กำลังใจด้วย นายศิวรักษ์ ให้การต่อศาลกัมพูชา โดยยืนยันว่า ไม่ได้โจรกรรมข้อมูลอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอก ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ มาเกือบ 2 ปี แต่ไม่ได้ติดต่อหรือสนิทสนมกัน
แต่รับว่านายคำรบได้โทรศัพท์สอบ ถามเรื่องเที่ยวบินในฐานะที่เขาทำงานด้าน นี้ เขาจึงได้สอบถามเพื่อนที่ทำงานด้วยกันที่เป็นชาวกัมพูชา และเพื่อนได้ส่งก๊อปบี้ให้ แต่เขาไม่ได้ส่งต่อให้นายคำรบ นอกจากนี้เขายืนยันว่า การสอบถามเพื่อนชาวกัมพูชาไม่ได้เป็นความลับ เป็นเรื่องปกติของการทำงาน หลังจากนั้นศาลได้ไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์อีก 2 ปาก ซึ่งเป็นพนักงานชาวกัมพูชาของบริษัทกัมพูชาแอร์ทราฟฟิค เซอร์วิส หรือ CATS โดยปากแรก ให้การว่า นายศิวรักษ์ได้มาสอบถามเรื่องตารางการบิน จึงได้เดินขึ้นไปที่ชั้น 3 ภายในที่ทำงานพร้อมกับนายศิวรักษ์เพื่อดูตารางการบิน จากนั้นนายศิวรักษ์ ได้จดข้อมูลใส่มือ ซึ่งส่วนตัวพยาน มองว่า เป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นนายศิวรักษ์ ได้ดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนพยานโจทก์ปากที่ 2 เป็นวิศวกรของบริษัท ให้การต่อศาลว่า เห็นนายศิวรักษ์ และพยานปากแรกเดินขึ้นมาที่ชั้น 3 เพื่อดูตารางการบิน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ และไม่รู้ว่า ทั้ง 2 คนดำเนินการอย่างไรต่อผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเวลาการเบิกความของนายศิวรักษ์มีสีหน้าและกำลังใจดีมาก และตอบคำถามชัดเจน
ขณะที่นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาที่เข้าฟังการพิจารณาคดีด้วยมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนกัมพูชาและสื่อมวลชนไทยจำนวนมาก บรรยากาศในห้องพิจารณาคดีผู้สน ใจเข้าฟังเต็มห้อง ซึ่งนางสิมารักษ์ น้องชาย และเพื่อนร่วมงานของนายศิวรักษ์ เข้าไปให้กำลังใจตั้งแต่เช้า โดยนั่งบนเก้าอี้แถวที่สอง ห่างจาก นายศิวรักษ์ เพียง 2 เมตร และตลอดการพิจารณาคดี นางสิมารักษ์ สีหน้าเคร่งเครียดตลอด
ต่อมาเวลา 16.30 น. ผู้พิพากษาศาลกัมพูชาได้อ่านคำพิพากษา ตัดสินว่าข้อมูลการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นความลับ ซึ่งการนำเอาข้อมูลดังกล่าวไปบอกคนอื่นถือว่าเป็นการละเมิดขั้นตอนการรักษา ความปลอดภัยให้แก่บุคคลระดับสูงของกัมพูชา "แผนการบินของท่านทักษิณ มีความสำคัญมากกับรัฐบาลไทยจริง แต่ข้อมูลนี้อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงกับทักษิณได้ ทักษิณเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชา และกัมพูชามีพันธะหน้าที่ที่จะต้องรักษาความปลอดภัยให้แก่เขา" ผู้พิพากษาเขมรกล่าว ก่อนจะสั่งลงโทษจำคุก 7 ปีนายศิวรักษ์ และปรับอีก 10 ล้านเรียล ซึ่งถือเป็นโทษขั้นต่ำสุดในข้อหาสายลับ ซึ่งมีระวางโทษจำคุก 7-15 ปี" และทันทีที่ศาลอ่านคำตัดสินจบลง นางสิมารักษ์ถึงกับร้องไห้
บัวแก้วพร้อมให้การช่วยเหลือ"ศิวรักษ์"
นาย ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้มีอยู่ 2 แนวทาง กระทรวงการต่างประเทศจะประสานผ่านกรมการกงสุล ไปยังนางสิมารักษ์ ณ นครพนม เกี่ยวกับการตัดสินใจจะยื่นอุธรณ์ต่อไปหรือไม่ หากไม่ยื่น ก็เสมือนกันยอมรับผิด โดยรัฐบาลก็พร้อมจะดำเนินการยื่นขออภัยโทษ ส่วนจะใช้ระยะเวลาเท่าไรนั้น นายเขียว สัมโบ ทนายความของนายศิวรักษ์จะเป็นผู้ดูรายละเอียด
กต.มั่นใจผลคดีไม่ขยายเป็นปมการเมืองระหว่างปท.
ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายชวนนท์ กล่าวว่า ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นเช่นไร และนายศิวรักษ์จะมีความผิดหรือไม่ ส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่มีผล หรือขยายวงกว้างไปเป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ ถ้ายืนอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล และเรื่องนี้ไม่ใช่คดีของประเทศ พร้อมขออย่าเอาชีวิตของศิวรักษ์เป็นเกมการเมืองระหว่างกัน ส่วนการขอพระราชทานอภัยโทษให้นายศิวรักษ์นั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า ต้องดูว่านายศิวรักษ์มีความผิดเพราะอะไร เป็นความผิดที่แท้จริงหรือถูกปิดบังความผิดที่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ และต้องดูว่าเรื่องดังกล่าวเป็นภัยต่อความมั่นคงของกัมพูชาจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หลังเปลี่ยนทนายความใหม่ กระทรวงการต่างประเทศ ได้สนับสนุนข้อมูลให้ แต่ในส่วนของกระทรวงฯยังไม่มีการเตรียมการขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะไม่ทราบ กระบวนการยุติธรรมของกัมพูชาว่าเหมือนกับกระบวนการยุติธรรมของ ไทยหรือไม่ แต่กระทรวงการต่างประเทศก็พร้อมให้การช่วยเหลือ และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชาตามขั้นตอนต่อไป สำหรับกระแสข่าวที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ร่างหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษเตรียมไว้แล้วนั้น ถือเป็นการเตรียมการ แต่ในส่วนของกระทรวงฯยังไม่มีการดำเนินการดังกล่าวเมื่อถามว่ากระทรวงการ ต่างประเทศตกเป็นรองพรรคเพื่อไทยหรือไม่ในการ ดำเนินการให้ความช่วยเหลือนายศิวรักษ์ นายชวนนท์ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างต็มที่ และไม่ ปฏิเสธการช่วยเหลือจากฝ่ายใด แต่ถ้าใครจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นประโยชน์แก่ประเทศ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องการให้มีความจริงใจ
พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกลาโหม กล่าวกรณีพรรคเพื่อไทยทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษให้นายศิวรักษ์ ชุติพงศ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุม ว่า พรรคเพื่อไทยทำเพื่อการเมืองของพรรคเพื่อไทย แต่ที่พูดขึ้นมาลอยๆ ว่าไม่เกี่ยวกับการเมืองเป็นเรื่องของคนไทยที่ถูกจับกุมและพยายามช่วยเหลือ ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศก็กำลังดำเนินการอยู่ ส่วนจะเป็นการจัดฉากหรือไม่นั้น ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
เมื่อ ถามว่า จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์รัฐบาลหรือไม่ พล.อ.อภิชาติ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามดูแลเรื่องนี้เต็มความสามารถ ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องให้รัฐบาลต้องทำงานตามหน้าที่ แต่เมื่อมีเรื่องของการไปร้องขอพรรคการเมืองที่เป็นพรรคฝ่ายค้านให้เข้ามา ช่วยดูแล ก็เป็นเรื่องของความเป็นแม่พยายามที่จะดูแลทุกอย่างเพื่อให้ลูกของตัวเองพ้น ผิดให้ได้ทุกวิถีทาง เป็นใครคงต้องทำอย่างนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทางผู้เป็นแม่ด้วย
วันพุธที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น