วันพฤหัสบดีที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓

"ทักษิณ"รู้แล้ว"เฉลิม-หน่อย"เปิดศึก เชื่อไม่ทำพท.แตก ดีจะได้เคลียร์กัน เด็กคุณหญิงโต้ไม่มีแผนผ่ากทม.

"เหลิม"ถาม"สุดารัตน์"เป็นใคร ปัดเคลียร์ใจ เดินหน้าปรับโครงสร้างกทม.แบ่งฝั่งธนบุรี-พระนคร ล้างขั้ว"หน่อย" เด็ก"เจ๊"ออกโรงแทน ซัดกลับ"เฉลิม" ปากโป้งเอาความในมาปูด ยันพท.ไม่มีแผนผ่ากทม.

"แม้ว"รู้แล้ว"เฉลิม-หน่อย"เปิด ศึก

พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เพื่อนสนิทเตรียมทหารรุ่น 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ยอมรับ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯทราบเหตุวิวาทะระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แล้ว แต่เบื้องต้นเชื่อว่า จะไม่นำไปสู่ปัญหาความแตกแยกภายในพรรคเพื่อไทย และยังมองในแง่ดีว่า บางทีการที่ทั้งสองฝ่าย ออกมาเปิดศึกกันตรง ๆ ในครั้งนี้ ก็ถือว่าน่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะปัญหาเรื่องการแบ่งพื้นที่ดูแล ส.ส.ใน กทม. ระหว่างทั้งสองคนนั้น ก็ทำให้เกิดการกระทบกระทั่ง จนเกิดความบาดหมางเรื้อรัง จนทำให้ทั้งสองฝ่ายต่าง ทะเลาะเบาะแว้งกันมานานมากแล้ว เพียงแต่ไม่ได้พูดกันตรง ๆ เพราะฉะนั้นในเมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ ก็คงจะได้มีการพูดจาหารือระหว่างกันอย่างตรงไปตรงมาเพื่อเคลียร์ปัญหาให้จบ ลงซะที


ส่วนปัญหาในเรื่องนี้ จะส่งผลต่อศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่กำลังจะมีขึ้น โดยเฉพาะการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ที่ร.ต.อ.เฉลิม เป็นหนึ่งในแคนดิเดต เพราะอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ฝ่าย คุณหญิงสุดารัตน์หรือไม่นั้น พล.อ.อ.สุเมธ กล่าวว่า คงไม่น่าจะมีปัญหาเพราะอย่างไรก่อนที่จะมีการตัดสินใจยื่นอภิปรายไม่ไว้วาง ใจ ทางพรรคเพื่อไทย จะต้องเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้ลงตัวทั้งหมด ก่อนที่จะตัดสินใจเสนอชื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด อยู่แล้ว


สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องถึงกับลงมาเคลียร์ปัญหาในเรื่องนี้ด้วยตนเอง หรือไม่นั้น พล.อ.อ.สุเมธ กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบแต่เชื่อว่าภายในพรรคน่าแก้ปัญหากันเองได้

"วิทยา"ให้"หน่อย-เฉลิม"คุยกันเอง


นายวิทยา บุรณศิริ ประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วม (วิป) ฝ่ายค้าน ในฐานะรองประธานคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อ ไทย (พท.) กล่าวเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ถึงความขัดแย้งระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พท. ในฐานะหัวหน้าทีมอภิปราย กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำบ้านเลขที่ 111 ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้ทำหน้าที่ในสภา แต่เป็นที่ปรึกษาคงไม่มีอะไร แต่บางเรื่องทั้ง 2 คนอาจจะต้องคุยกัน ร.ต.อ.เฉลิมอาจจะพูดเสียงดังไปหน่อยมากกว่า ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องการอภิปราย และไม่กระทบกับการทำงานของพรรคอย่างแน่นอน


ผู้สื่อข่าวถามว่า พท.เตรียมรายชื่อคนที่จะเสนอเป็นนายกฯคนใหม่ในการยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไม่ วางใจรัฐบาลหรือยัง นายวิทยากล่าวว่า เสนอคนเป็นนายกฯต้องเป็นบุคคลในพรรคอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่ามีขบวนการสกัดกั้นไม่ให้เสนอชื่อตัวเองเป็นนายกฯ นายวิทยากล่าวว่า "ไม่อย่างนั้นหรอก ท่านอาจจะคิดไปเองมากกว่า ไม่มีอะไร"


ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พท.จะเสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นนายกรัฐมนตรีแน่ๆ ใช่หรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า ต้องรอหลังพรรคตกผลึกเรื่องประเด็นในการอภิปรายแล้ว ถ้าจบตรงนั้น เราจะกำหนดตัวบุคคลทันที เมื่อถามว่า การเกิดปัญหาความขัดแย้งในทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจของ พท.จะทำให้ข้อมูลไม่แน่นพอหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า ไม่เกี่ยวเลย เพราะประเด็นสำคัญที่สุดคือสาระสำคัญของการอภิปราย และสาระสำคัญของคนที่จะอภิปราย ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคล เมื่อถามว่า ใครจะเป็นกาวใจให้ ร.ต.อ.เฉลิมกับคุณหญิงสุดารัตน์ได้ นายวิทยากล่าวว่า "ท่านเป็นกาวของท่านเองได้อยู่แล้ว" เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่าทนมานานแล้วก็เลยต้องออกมาระบายความในใจ นายวิทยากล่าวว่า "ก็ดี บางอย่างอาจจะเครียดต้องระบาย ช่วงนี้เครียดเยอะ"


ปธ.ภาคกทม.เมินแบ่งกทม.3ส่วน


ด้านนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประงานภาค กทม. พรรคเพื่อไทย และคนสนิทคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวกล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิมเสนอให้พรรคแบ่งเขตความรับผิดชอบการเลือกตั้ง ส.ส.ใน กทม.ออกเป็น 3 เขตใหญ่คือ เหนือ ใต้และฝั่งธนบุรีว่า ในฐานะที่เป็นประธานภาค กทม.เห็นว่าไม่ควรนำเรื่องการแบ่งภาค กทม.ออกเป็น 3 ส่วน ไปพูดข้างนอกพรรค แต่ควรหารือภายในเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบโครงสร้างของพรรค


"เรื่องนี้เป็นเพียงแนวคิดของ ร.ต.อ.เฉลิมคนเดียว เพราะยังไม่ผ่านการพิจารณาของภาค กทม. และที่ประชุม ส.ส.ของพรรค จึงยังไม่สมควรที่จะนำไปพูดกับสื่อมวลชน พรรคเพื่อไทยมีระบบอยู่ซึ่งคนที่อยู่ในพรรคต้องเคารพมติของพรรค ผมเป็นประธานภาคมีอะไรก็ต้องคุยกันก่อนที่จะนำเสนอ วันนี้ภาค กทม.ทำงานกันได้เป็นอย่างดี ถ้าจะให้ภาค กทม.เปลี่ยนแปลงก็ต้องหารือกัน" นายวิชาญกล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า มองนัยยะการเคลื่อนไหวของ ร.ต.อ.เฉลิมอย่างไร นายวิชาญกล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิมอาจจะมีแนวคิดว่าเขตเลือกตั้ง กทม.ใหญ่เกินไป และ ร.ต.อ.เฉลิมอาจจะต้องการมีส่วนร่วม แต่ ร.ต.อ.เฉลิมก็เป็นคนหนึ่งในภาค กทม.มีอะไรน่าจะเสนอในภาคก่อน


ด้านนายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.กรุงเทพฯ กล่าวว่า เห็นด้วยกับสิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูดและเห็นควรให้ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นผู้นำกิจกรรมในสภาซึ่งพรรคเพื่อไทยก็มีมติออกมาแล้ว ดังนั้น ทุกคนควรที่จะเคารพ ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่าคุณหญิงสุดารัตน์เข้ามาแทรกแซงการทำงานของภาค กทม.นั้นไม่ทราบเพราะไม่เคยเห็น แต่หากเป็นจริงถือว่าไม่สมควร


แกนนำอีสานเคลียร์"เฉลิม"แล้ว


ด้านนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่าได้ร่วมมือกับคุณหญิงสุดารัตน์ ตั้งกลุ่มการเมืองขึ้นมาต่อต้าน ร.ต.อ.เฉลิมว่า เป็นเรื่องเก่า โทรศัพท์ไปคุยทำความเข้าใจกับ ร.ต.อ.เฉลิม แล้วพร้อมชี้แจงว่า ร.ต.อ.เฉลิมเข้าใจผิดในเรื่องที่ตนไปอยู่กับคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะนั่นเป็นข้อมูลตั้งแต่ยังอยู่พรรคพลังประชาชน เนื่องจากช่วงนั้นกลุ่มเพื่อนเนวินที่นำโดยนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยมีอำนาจมาก มีอิทธิพลกับพรรคมาก พวกตนกลุ่มอีสานพัฒนาจึงทำหนังสือถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าต้องการขึ้นตรงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่อยากอยู่กลุ่มเพื่อนเนวิน พ.ต.ท.ทักษิณจึงเอาพวกตนไปฝากไว้กับคุณหญิงสุดารัตน์ แต่ตอนนี้พวกเรามาอยู่พรรคเพื่อไทย ที่ไม่มีกลุ่มเพื่อนเนวินอยู่แล้ว การเป็นกลุ่มเป็นก๊วนการเมืองจึงไม่มี และเหลือแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบหรือไม่ว่า ร.ต.อ.เฉลิมกับคุณหญิงสุดารัตน์มีความขัดแย้งกันจากสาเหตุอะไร นายพรศักดิ์กล่าวว่า "ผมไม่ทราบว่าเรื่องอะไร แต่ผมไม่ได้มีส่วนร่วมแน่นอน วันนี้ทั้งสองคนไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกันแล้ว เพราะ นาย (พ.ต.ท.ทักษิณ) รักทั้งสองคนอยู่แล้ว"


"เฉลิม"บอกจบแล้ว โวเป็นดาวฤกษ์ ปัดเคลียร์ใจ"สุดารัตน์"


เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ห้องทำงานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวชี้แจงกรณีความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทย ว่า เรื่องนี้ได้จบลงในพรรคแล้วและจะไม่ขอพูดเรื่องนี้อีก เมื่อที่ประชุมพรรค เห็นด้วยให้ตนทำหน้าที่ประธาน ส.ส.และเป็นหัวหน้าทีมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็พร้อมจะทำหน้าที่ แค่นี้ทุกอย่างก็จบ


"ผมมันเป็นดาวฤกษ์มี แสงในตัวเองแต่อาจไม่มาก ไม่เหมือนกับบางคนที่ทำตัวเป็นดาวเคราะห์ที่คอยต้องพึ่งแสงสว่างจากดาวอื่น เรื่องนี้จบแล้ว จะไม่มีการพูดกันอีก"ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว


ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ส่วนตัวได้มีการเสนอให้พรรคเพื่อไทยมีการจัดการบริหารเขตพื้นที่กทม.ใหม่โดย ไม่อยากให้มีใครคุมอำนาจเพียงคนเดียวเพราะกทม.ใหญ่เกินกว่าที่คนคนเดียวจะ ดูแลได้ จึงเสนอให้แบ่งคนดูแลทั้งในฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนคร ถ้าพรรคจะเห็นด้วยว่าอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่พรรคจะมีความเห็นอย่างไร


ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่เสนอแบบนี้เพราะตนไม่ต้องการให้มีการแบ่งกลุ่มแบ่งก๊วนกันเกิดขึ้นในพรรค เพราะถ้าใครอยากจะสมัครเป็น ส.ส.ก็ควรให้ที่ประชุมผู้บริหารพรรคเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับอำนาจของคนคนเดียว อย่างเช่น ถ้าตนเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ กทม.ฝั่งธนบุรีการคัดเลือกผู้สมัครในส่วนนี้ตนก็ต้องเสนอให้ที่ประชุม พิจารณา ไม่ใช่ใช้อำนาจตัดสินใจคนเดียว


เมื่อถามว่า แล้วมีความจำเป็นหรือไม่ที่ต้องต่อสายคุยกับคุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า "ใคร สุดารัตน์ไหน เป็นใครต้องไปต่อสาย ไปคุยไม่ได้เดี๋ยวติดคุก เพราะบ้านเลขที่ 111 เล่นการเมืองไม่ได้ สื่อถามอย่างนี้ เดี๋ยวหาว่ารู้กันกับผม ไปพูดอย่างนี้ คุณหญิงสุดารัตน์เขาจะเสียหาย""


"สุเทพ"ตีหน้าไม่สบายใจ2บิ๊กทะเลาะ


นายสุเทพกล่าวถึงความขัดแย้งกันระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิมกับคุณหญิงสุดารัตน์ ว่า ได้ยินแล้วก็ไม่สบายใจ ที่เห็นเขาทะเลาะกัน เพราะอยากเห็นพรรคการเมืองทุกพรรคเป็นปึกแผ่น แล้วต่างคนต่างทำหน้าที่ เมื่อถามว่า อาจจะสบายใจเพราะมีผลกับการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุเทพกล่าวว่า เขาก็คงทำหน้าที่กันได้ และจะเอาใจช่วย เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิมวิเคราะห์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้พรรคเพื่อไทยยื่นญัตติ อภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อนไปต่อรองยึดกระทรวงหลักๆ ของพรรคร่วมรัฐบาล นายสุเทพกล่าวว่า ตนรู้จัก ร.ต.อ.เฉลิมมานาน และเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อถือ ร.ต.อ.เฉลิม


ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิมกับคุณหญิงสุดารัตน์ว่า ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นการสร้างละครกันแน่ แต่เหตุการณ์เหมือนกับไก่ตรุษจีนในเข่งที่จิกกันเอง เป็นการรอเถ้าแก่เอาไปเชือดไหว้เจ้าตรุษจีน หรือจะขุนเพื่อเลี้ยงต่อ ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมทำงานให้พรรคเพื่อไทยตลอด จึงน่าจะได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำได้ ถ้าหากว่ายังไม่เป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะการได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาล ตามมาตรา 158 ซึ่งเป็นนายกฯสมมุติ แต่ถ้ายังไม่ได้รับการเสนอชื่อ ก็อย่าฝันว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง 6 เดือน เพื่อนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น