33 ปีผ่านไป จาก 6 ตุลา 19 จนถึงวันนี้ แต่คนบางกลุ่มก็ยังคงใช้สถาบันเป็นเครื่องมือหากินไม่เปลี่ยนแปลง |
เช้ามืดของวันเดียวกันนี้เมื่อสามสิบสามปีที่แล้ว ประมาณเวลาตี 5 ระเบิดลูกแรกจากปืนยิงรถถังถูกทหารบอมบ์เข้าใส่นักศึกษาที่กำลังชุมนุมกัน อยู่สนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ จากนั้นเสียงปืนทั้งเล็กยาวก็ระดมยิงเข้าไปข้างในราวกับหนังสงคราม
นัก ศึกษาและประชาชนที่อยู่ภายในธรรมศาสตร์ต่างแตกตื่นวิ่งหนีตายกันไปคนละทิศละ ทาง บางคนที่วิ่งหนีออกมาด้านนอกต้องกลับกลายเป็นผู้โชคร้ายสุดขีด เมื่อพวกเขาถูกพวกกลุ่มกระทิงแดงและลูกเสือชาวบ้านพากันรุมล้อมทุบตีด้วยไม้ และเก้าอี้จนสลบ จากนั้นก็ถูกลากไปเผาทั้งเป็น บางคนถูกจับขึ้นไปแขวนคอบนต้นมะขามแล้วรุมตีจนตาย
คนรุ่นหลังอาจจะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร เหตุการณ์ในวันนั้นจึงเลวร้ายโหดเหี้ยม
ทำไมคนไทยด้วยกันจึงเข่นฆ่าทารุณกันได้ถึงขนาดนั้น
มันมีที่มาที่ไปและมีสาเหตุครับ
เมื่อ กลุ่มอำนาจเก่าอย่าง จอมพลถนอมถูกล้มล้างด้วยพลังนักศึกษาเมื่อ 14 ตุลา 16 การที่พวกเขาจะทลายกำแพงอันแข็งแกร่งของพลังนักศึกษาและประชาชนที่กำลังตื่น ตัวเรื่องประชาธิปไตยลงเพื่อกลับมามีอำนาจอีกครั้งย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
แต่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำไม่ได้ สำหรับคนไทยที่มีความจงรักภักดีต่อในหลวงแล้ว จะมีเรื่องใดที่สามารถทำลายล้างกันได้ดีไปกว่าการสร้างสถานการณ์ใส่ร้าย ป้ายสีเรื่องทำลายล้างสถาบันเล่า
จุดเริ่มต้นตอนนั้น มาจากสื่อชั่วบางฉบับ สถานีวิทยุบางคลื่น ใช้กระบอกเสียงของตัวเองเป็นเครื่องมือประโคมข่าวเรื่องการคิดล้มล้างสถาบัน ของนักศึกษา ใส่ร้ายป้ายสียั่วยุปลุกระดมทุกวัน ทุกคืน จนลูกเสือชาวบ้านและประชาชนพากันโกรธแค้นนักศึกษา ( ผมเองตอนนั้นก็ถูกป้อนข้อมูลให้เชื่อแบบนั้น เพราะสมัยนั้นเราไม่มีสื่อที่หลากหลายหรือมีอินเตอร์เนตเหมือนปัจจุบัน )
เหตุการณ์ จึงเลวร้ายด้วยแรงยั่วยุ ปลุมระดม ของกลุ่มอำนาจเก่าโดยใช้สถาบันเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างขบวนการนักศึกษา ที่แข็งแกร่งลงอย่างราบคาบ อาศัยความจงรักภักดีที่มีต่อพ่อหลวงของประชาชนมาเข่นฆ่านักศึกษาผู้ บริสุทธิ์ เพื่ออาศัยสถานการณ์นั้นทำการรัฐประหารในที่สุด
คุ้นๆไหมครับ สิ่งที่ผมเล่ามา มันแดจาวูดีๆนี่เอง
หาก หนังสือพิมพ์ดาวสยามในสมัยช่วง 6 ตุลา เปรียบเสมือนหนังสือพิมพ์ประเภทแนวหน้า ผู้จัดการ คมชัดลึก ไทยโพสท์ สถานียานเกราะของพลอ.อุทาน สนิทวงศ์ ตอนนั้นก็เปรียบเสมือนกับ ASTV ในยุคปัจจุบันนั่นเอง
การกล่าวหาให้ร้ายนักศึกษาที่เล่นละครเรื่อง การถูกแขวนคอของช่างไฟ 2 คนในธรรมศาสตร์ว่าเป็นการหมิ่นพระบรม ก็คล้ายกับการที่สนธิสร้างเรื่อง นิทานปุโรหิต หลอกสาวก ASTV ทำนองนั้น
คง ปฏิเสธไม่ได้ว่า สนธิอาศัยสื่อ ASTV ปลุกระดมประชาชนเรื่องความไม่จงรักภักดีของทักษิณมาโดยตลอด สาวกของสนธิทุกคนมีความเชื่อฝังอยู่ในหัวว่าทักษิณคิดล้มล้างสถาบัน หวังขึ้นเป็นประธานาธิบดี แม้แต่นายสุเทพก็ยังเคยนำมาพูดในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเพื่อสร้างความ เกลียดชังให้กับคนไทยที่มีความจงรักภักดี
แม้แต่คนไทยหน้าเขมรอย่าง นายเนวิน ก็ยังไม่ยอมตกขบวนรถ แอบอ้างเอาความจงรักภักดีอย่างหน้าด้านๆ ยอมแม้กระทั่งบีบน้ำตาเพื่อสร้างภาพให้กับตัวเองว่าทำเพื่อปกป้องสถาบัน แล้วใส่ร้ายคนอื่นอย่างน่าละอาย
ส่วนหนึ่งที่ทำให้แนวร่วมของสนธิออก มามากมายในตอนแรกที่เริ่มก่อตั้งพันธมิตรนั้นก็สืบเนื่องมาจากการจุดประเด็น ด้วยนิทานแหกตาเรื่อง "ลูกแกะหลงทาง" จนต่อเนื่องมาถึงการชูสโลแกนว่า "เราจะสู้เพื่อในหลวง" และการกุข่าวสร้างประเด็นในการทำบุญวัดพระแก้วของสนธิ ซึ่งอย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่ผมเองที่ตอนนั้นไม่ค่อยชอบทักษิณนัก ก็เกือบหลงทางตามสนธิไปเหมือนกัน
ผมไม่เถียงว่า ในยุค 6 ตุลา 19 มีนักศึกษาบางส่วนต้องการเปลี่ยนการปกครองจริงโดยอิงไปทางคอมมิวนิสต์ที่พวก เค๊าเชื่อว่ามีความเท่าเทียมกันทางสังคม แต่ก็เป็นแค่บางส่วน ( ในตอนนั้นมันมีทางเลือกอยู่ไม่มากนักหรอก ) เช่นเดียวกับยุคนี้ที่อาจมีเสื้อแดงบางคนที่หัวรุนแรงและต้องการเปลี่ยนแปลง รูปแบบการปกครองให้เป็นประชาธิปไตยแบบสากล แต่ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ทั้งหมดแน่นอน เทียบกันแล้วก็คงไม่ถึง 1 % เท่านั้น
จุดแข็งของประเทศไทย คนไทย คือความจงรักภักดีที่คนไทยทุกคนมีให้กับพ่อหลวงของเราที่ไม่สามารถหาได้ในประเทศไหนๆในโลกนี้........
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันกลายเป็นจุดอ่อนให้หลายคน หลายกลุ่ม มีเอาไว้ใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามอย่างได้ผลเสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น